ซีบีอาร์อี ชี้คอนโดลักชัวรี โซนสุขุมวิทเดือด อัดโปรฯขายสต็อกพร้อมโอน ชิงกำลังซื้อเรียลดีมานด์หันซื้อคอนโดหลังที่สอง ระบุก.ค.เห็นสัญญาณซื้อกลับมา ล่าสุด "เมเจอร์ฯ" ลดราคามิวนีค สุขุมวิท23 เหลือ 2.2 แสนบาทต่อตร.ม. ดันยอดปลายปี
นางอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE) ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งมหภาคและจุลภาค ในด้านของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เปิดให้ธุรกิจต่างๆดำเนินต่อไปได้ตามปกติ ซีบีอาร์อีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวมากขึ้นโดยการเน้นระบายยูนิตที่เหลืออยู่ในมือทั้งโครงการที่กำลังก่อสร้างและโครงการที่แล้วเสร็จ เพื่อสร้างยอดขายและกระแสเงินสดให้ได้มากที่สุด ทำให้โหมจัดโปรโมชั่นที่ดึงดูดผู้ซื้อ ในส่วนของธนาคารเองดอกเบี้ยในช่วงนี้ถือว่าส่งผลดีต่อผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์
จากตัวเลขของซีบีอาร์อีพบว่า ผู้ซื้อเริ่มกลับมาชมโครงการมากขึ้นในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้เกิดการซื้อขายในทิศทางเดียวกัน แต่ต้องยอมรับว่าปีนี้ซัพพลายใหม่น้อยและโครงการส่วนใหญ่ที่เปิดตัวจะเป็นคอนโดระดับราคา 1.5-1.7 แสนบาทต่อตร.ม. ราคาต่อยูนิตไม่เกิน 3 ล้านบาท เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดโอเวอร์ซัพพลายตลาดคอนโดลักชัวรี่ ดีเวลลอปเปอร์ จึงชะลอเปิดตัวโครงการมาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดในปีนี้ไม่มีการเปิดตัวคอนโดลักชัวรี่ ส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดตัวคอนโดระดับราคาไม่เกิน 1.5 ต่อตร.ม. เพื่อให้เหมาะกับกำลังซื้อ
นางอลิวัสสา กล่าวว่า ในทำเลสาทร ลุมพินี สุขุมวิท พระราม 4 ยังมีโครงการคอนโดลักชัวรี พร้อมโอนเหลืออยู่ประมาณ 12,000 ยูนิต และบางโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมายอดขายยังพอไปได้แต่ไม่หวือหวา ที่สำคัญพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคต้องการสินค้าที่สร้างเสร็จแล้วเพราะกลุ่มคนซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนซื้อที่อยู่เองจึงอยากเห็นสินค้าก่อนที่ตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาข้อมูลเหตุผลการซื้ออสังหาฯของลูกค้าของซีบีอาร์อี พบว่าในปี 2561 ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 60% ซื้อเพื่อลงทุน 34% และซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง 6% ในปี 2562 ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 61% ซื้อเพื่อลงทุน 34% และซื้อ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง 5% แต่ในปี 2563 พบว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัย 59% ซื้อเพื่อลงทุนลดลง เหลือ 16% ขณะที่ซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองเพิ่มเป็น 25%
โดยกลุ่มคนซื้อเพื่อลงทุนลดลง เพราะขายต่อยากต้องถือยาว ขณะที่บ้านหลังที่สองเพิ่มขึ้นเพราะโควิด คนที่อยู่คอนโดอยากซื้อบ้านหลังที่สอง ขณะที่คนมีบ้านอยากซื้อคอนโดไว้อยู่อาศัยในเมืองสำหรับลูกหลานที่เข้ามาเรียนหรือบ้านหลังที่สองในต่างจังหวัด
นายสุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการมิวนีค สุขุมวิท 23 มียอดขายแล้ว 70% ซึ่งยอดขาย 25% เป็นยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ลูกค้าต่างชาติที่ไม่สามารถเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงนี้ เพราะต้องรอให้รัฐบาลผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติก่อน
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก แต่บริษัทได้วางแผนรัดกุม โดยจะเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดลักชัวรี่ยังไม่น่าเป็นห่วงมาก ยอดขายยังคงไปได้เรื่อยๆ แต่ไม่หวือหวา และเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวตามมา
ผู้ซื้อเริ่มกลับมาชมโครงการมากขึ้นในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้เกิดการซื้อขายในทิศทางเดียวกัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ : 21 สิงหาคม 2563