SKY รุกหนักสมาร์ทซีเคียวลิตี้ ล่าสุดผนึกกำลัง "SenseTime" และ "แสนสิริ"พลิกมิติใหม่วงการอสังหา ประกาศร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยี AI ด้านรักษาความปลอดภัย ก่อสร้าง และการให้บริการ ตั้งเป้ารับทรัพย์จากธุรกิจสมาร์ทซีเคียวลิตี้ในปี 63 ที่ 300 ล้านบาท ด้านผู้บริหารฟิตจัดเร่งขยายฐานเซกเตอร์อื่น ดันผลงานปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 50%
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือSKY ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย ทางด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทจะเน้นธุรกิจสมาร์ทซีเคียวลิตี้ ประกอบไปด้วยการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV ในปี 2563 บริษัทจะเน้นธุรกิจสมาร์ทซีเคียวลิตี้ ประกอบไปด้วยการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV โดยบริษัทจะเน้นขยายธุรกิจไปภาคเอกชนมากขึ้น
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท SenseTime จากประเทศจีนซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของโลก และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้นำของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการรักษาความปลอดภัย (Smart Security) ด้านการก่อสร้าง (Smart Construction) และด้านการให้บริการ (Smart Service) เพื่อยกระดับศักยภาพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยและการอยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบผ่านเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด "Think-Tool-Do"
พร้อมกันนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่น เพื่อให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะขยายฐานออกไปในเซกเตอร์อื่น อาทิ โรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานออฟฟิศ โรงแรม โรงพยาบาล รวมถึงภาคการศึกษา คาดจะเห็นความชัดเจนในการขยายฐานลูกค้าได้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจสมาร์ทซีเคียวลิตี้ปี 2563 ไว้ที่ 300 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทจะพยายามผลักดันธุรกิจกลุ่มนี้ให้เติบโตเพิ่มขึ้น เพื่อหาฐานรายได้ประจำเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2563 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำแผนงานและตัวเลขการเติบโต คาดจะเปิดเผยรายละเอียดได้ในลำดับต่อไป เบื้องต้นบริษัทประเมินธุรกิจและผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% จากงานในมือ หรือแบ็กล็อกที่มีอยู่ราว 3 พันล้านบาท อีกทั้งคาดว่าในปี 2563 จะมีงานระบบเทคโนโยลีสารสนเทศ รวมถึงงานโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย ออกมาเป็นจำนวนมาก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
24 ธันวาคม 2562