ในบรรดาการแข่งขันกลุ่มที่อยู่อาศัย "ทาวน์เฮาส์" เป็นกลุ่มที่ต้องจับตามองหลังจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย หันมารุกตลาดนี้ โดยเฉพาะโกลเด้นแลนด์ ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯในเครือทีซีซีของเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ประกาศท้าชิงเบอร์หนึ่งตลาดนี้ภายใน 5 ปี ทำให้เจ้าตลาดดั้งเดิมอย่าง "พฤกษา" ของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ต้องวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนทุกทางเพื่อรักษาความเป็นผู้นำไว้
ธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาวน์เฮาส์ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ ส่วนใหญ่ให้บริษัทถึง 45% ดังนั้นจึงยังมั่นใจว่าปีนี้พฤกษาจะยังครองส่วนแบ่งสูงสุด ที่ 22% หรือคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมราว 1.97 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าตลาดทาวน์เฮาส์ รวม 8.8 หมื่นล้านบาท
แม้ว่าตัวเลขในไตรมาส 2 จะเห็นส่วนแบ่งที่ลดลงไปเหลือราว 18% แต่ยืนยันว่ายังดูเฉพาะช่วงนั้นไม่ได้ เนื่องจากต้นปีมีการเปิดโครงการไม่มากเมื่อเทียบกับครึ่งปีหลังที่จะรุกหนักในการเปิดโครงการใหม่อีกถึง 25 โครงการ แบ่งเป็นไตรมาส 3 ราว 10 โครงการและไตรมาส 4 ราว 15 โครงการเป็นช่วงที่จะเห็นพฤกษาตีตื้นตอนปลายขึ้นมาแน่นอน
สำหรับคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดการณ์มูลค่ารวมในตลาดน่าจะเติบโตถึง 14% ในปีนี้ แต่เชื่อซัพพลายของทุกรายที่เพิ่มขึ้นจะมีดีมานด์รองรับ เนื่องจากตลาดทาวน์เฮาส์ถือเป็นกลุ่มที่ยังมี "เรียลดีมานด์" หรือความต้องการในการอยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะกำลังซื้อที่จะหนีจากการลงทุนคอนโดมิเนียม ซึ่งนับวันการหาทำเลในเมืองเพื่ออยู่อาศัยยิ่งมีราคาสูงเกินเอื้อมมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม การวางกลยุทธ์เพื่อให้แข่งขันได้ทั้งคุณภาพสินค้าและการวางราคายังเป็นประเด็นสำคัญเพื่อรักษาแชมป์ โดยในด้านราคาของบ้านที่อยู่ในเซกเมนต์เดียวกันและราคาเดียวกัน พฤกษายังคงเสนอราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งราว 5% และปีนี้ไม่มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อดูภาพรวมการขยายธุรกิจทาวน์เฮาส์ของบริษัทปี 2561 จะเปิดตัว 44 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.78 หมื่นล้านบาทโดยพอร์ตใหญ่สุดและยังเป็น "หัวใจหลัก" ที่ใช้แข่งขันยังคงอยู่บ้านแบรนด์ "พฤกษา" กว่า19โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 43% ใช้เจาะตลาดราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทตามด้วย "พฤกษาวิลล์" ที่เป็นหัวหอกสำหรับการทำราคาที่ 2-3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 29%
พร้อมกันนี้จะเริ่มปูพรมบุกต่างจังหวัดให้ครบ 20 จังหวัด "ครบทุกภูมิภาค" ภายใน 2-3 ปีเพื่อรองรับโอกาสใหม่ๆในอนาคตทั้งในจังหวัดที่มีศักยภาพสูง 3 แห่งหลักคือ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ที่เริ่ม ปักธงไปแล้ว โดยมีมูลค่าโครงการสูงถึง 4.4 หมื่นล้านบาท, 1.5 หมื่นล้านบาทและ 1.7 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ พร้อมกับ เตรียมบุกอีก 17 จังหวัดเพิ่มเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ถามหาโครงการของพฤกษา
ธีรเดช ยังเชื่อมั่นว่า ฐานข้อมูล (บิ๊กดาต้า) ในการรุกเข้าหาตลาดจะเป็นแต้มต่อเหนือคู่แข่ง เพราะปัจจุบันมีข้อมูลของผู้สนใจโครงการและลูกค้าเดิมรวมกว่า 1.6 ล้านรายชื่อ เมื่อผนวกรวมกับการทำ "ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง"ในปีนี้ที่จะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นหรือคิดเป็น30%ของงบการตลาดทั้งหมดเพื่อชักชวนให้คนที่สนใจ แต่ยังไม่เคยเข้ามาชมโครงการหรือเคยชมโครงการแล้วแต่ยังไม่ตัดสินใจให้มาเป็นลูกค้าเพิ่มเติม
ทั้งนี้ บริษัทอสังหาฯที่วางกลยุทธ์ ขยับรุกสู่ตลาดทาวน์เฮาส์มากขึ้นในปีนี้ อาทิ แสนสิริ ซึ่งเปิดตัวโครงการสิริเพลส ที่รุกพร้อมกัน8โครงการเช่นเดียวกับเจ้าตลาดทาวน์โฮมอันดับ3 อย่างเอพี(ไทยแลนด์)ที่ประกาศเปิดตัวทั้งหมด 43 โครงการในปี 2561 มีส่วนแบ่งของโครงการทาวน์โฮมถึง 21 โครงการหรือเกือบครึ่งของโครงการใหม่ปี 2561 เป็นต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ