ผ่าเทรนด์อสังหาฯปีหน้า เมกะโปรเจค มิกซ์ยูส แรง

ผ่าเทรนด์อสังหาฯปีหน้า เมกะโปรเจค มิกซ์ยูส แรง

"เน็กซัส" ผ่าเทรนด์ใหญ่ อสังหาฯ เมกะโปรเจค"มิกซ์ยูส"แรง ทุนใหญ่ แห่ผุดโครงการมูลค่ารวมกว่าแสนล้าน หวังใช้พื้นที่เต็มพิกัดรับต้นทุนที่ดินแพง จับตาตลาดออฟฟิศพรีเมียม 5 ปี เพิ่มพื้นที่ ล้านตร.ม. ขณะ "ซิตี้คอนโด" ฮอต-ซัพพลาย "ลีสโฮลด์" พุ่ง

แนวโน้มราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ "ขาใหญ่" และ "ทุนหนา" ของเมืองไทย ล้วนเป็นตระกูล "มหาเศรษฐี" พากันยึดทำเลทอง ผุดโครงการผสมผสาน(มิกซ์ยูส)ขนาดใหญ่ เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้เต็มศักยภาพ และยังจะเป็นเทรนด์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องในระยะ 5-10 ปีจากนี้ตามการประเมินของบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์

สำหรับโครงการมิกซ์ยูสที่จะพัฒนาแล้วเสร็จ เช่น โครงการสามย่านมิตรทาวน์ มูลค่าโครงการ 8.5 พันล้านบาท พัฒนาโดยบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)หรือโกลเด้นแลนด์ ร่วมทุนกับ บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด โครงการ สินธร วิลเลจ มูลค่าโครงการกว่า 5 หมื่นล้านบาท ของบริษัท สยามสินธร จำกัด โครงการวัน แบงค็อก มูลค่าโครงการกว่า 1.2 แสนล้านบาท ของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มูลค่าโครงการ 9 หมื่นล้านบาท ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โครงการดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค มูลค่าโครงการ 3.67 หมื่นล้านบาท ของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) ร่วมทุนบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)

ทั้งนี้ เทรนด์การพัฒนาโครงการเมกะโปรเจคยังเห็นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า เพราะหน่วยงานราชการเอง ยังมีที่ดินอีกจำนวนมาก ที่จะให้เปิดให้เอกชนประมูลเพื่อพัฒนาอสังหาฯทุกเซ็กเมนต์ทั้งโรงแรม รีเทล ออฟฟิศ เช่น ที่ดินบริเวณบางซื่อ จะเป็นรีจินัลฮับ บริเวณท่าเรือคลองเตย และมักกะสัน เป็นต้น

การผุดขึ้นโครงการมิกซ์ยูส ทำให้ประมาณการณ์ 5 ปีข้างหน้า จะมีพื้นที่ออฟฟิศระดับพรีเมียมหรือราคาเฉลี่ยกว่า 1,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) เพิ่มอีกราว  1 ล้านตร.ม. เติบโต 25% จากปัจจุบันมีพื้นที่ราว 4 ล้านตร.ม. ส่วนพื้นที่ค้าปลีกคาดว่าจะเพิ่ม อีก 2.4 แสนตร.ม.ปีหน้า จากโครงการเซ็นทรัล  วิลเลจ มาร์เก็ตเพลส ดุสิต วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน สีลมเซ็นเตอร์ เอกมัยมอลล์ เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มราคาคอนโดในกรุงเทพฯช่วง 1-3 ปีข้างหน้านั้น จะอยู่ในระดับ 6-7% ต่อปี จากปี 2561 ราคาขายคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น 7.6% จาก 1.3 แสนบาทต่อตร.ม. เป็น 1.4 แสนบาทต่อตร.ม. โดยตลาดใจกลางเมืองปรับตัวเพิ่มสูงสุดอยู่ที่ 10% ไปอยู่ที่ 2.31 แสนบาทต่อตร.ม. ตลาดรอบใจกลางเมือง 7% ไปอยู่ในระดับราคา 1.13 แสนบาทต่อตร.ม. ขณะที่ตลาดรอบนอกปรับราคาเพิ่มเฉลี่ยเพียง 1% เป็น 7.35 หมื่นบาทต่อตร.ม.

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

25 ธันวาคม 2561