แบงก์ชาติแถลงเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้านวันนี้ นายแบงก์ล็อบบี้หนักหวั่นกระทบพอร์ต ขอปรับเป็นวางดาวน์ 20% ตั้งแต่บ้านหลังที่สาม จากเดิมบ้านหลังที่สอง รวมทั้งเลื่อนประกาศใช้ไปเป็นปี 2563 จากเดิมปี 2562 ด้านโบรกฯ มองไทยพาณิชย์กระทบหนัก พอร์ตบ้านมากสุด 30.6% หากไม่ปรับเกณฑ์ใหม่
ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า วันนี้ ธปท.เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หลังจากได้รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายจากธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแล้ว คาดว่าจะออกมาผ่อนคลายจากเกณฑ์เดิม
สำหรับข้อเสนอเดิมของ ธปท. คือ กรณีบ้านหลังแรก (สัญญาแรก) ธปท.ยังกำหนดให้ใช้มาตรการวางเงินดาวน์ที่ 5-10% ของมูลค่าบ้าน หรือมีสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน (แอลทีวี) 90-95% แต่การปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมต้องไม่เกิน 100% ของมูลค่าบ้าน (หลักประกัน)
ส่วนกรณีบ้านหลังที่สอง (สัญญาที่สอง) และบ้านที่มีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ข้อเสนอของ ธปท.กำหนดให้ผู้ซื้อต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% หรือธนาคารพาณิชย์ปล่อยแอลทีวีได้ไม่เกิน 80% ของมูลค่าบ้าน
อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่แล้วต้องการให้ผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าว โดยมีข้อเสนอให้จากวางดาวน์ 20% ในบ้านหลังที่สอง เป็นวางดาวน์ในบ้านหลังที่สาม นอกจากนี้ยังเสนอให้เลื่อนการบังคับใช้จากเดิม 1 ม.ค. 2562 ไปเป็น 1 ม.ค. 2563 แทน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่ง ธปท.จะแถลงข้อสรุปในวันนี้
บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ ระบุ สัดส่วนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 30.6% ผู้บริหารคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงในอนาคต เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อกลุ่มนี้ที่ค่อนข้างใหญ่ การแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น และมาตรการ Macro-prudential ของ ธปท.
นอกจากนี้ ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แข็งแกร่งขึ้น ธนาคารคาดสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ ซึ่งคิดเป็น 5.1% ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 และเป็นหนึ่งในกลุ่มสินเชื่อหลัก ๆ ที่ SCB ต้องการเน้น จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต ตัวอย่างของสินเชื่อในกลุ่มนี้ เช่น สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคแบบไม่มีหลักประกัน เป็นต้น
โดยแนะนำ "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 152 บาท ถึงแม้ว่า SCB จะยังต้องเผชิญแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่สูงในอนาคตอันใกล้ แต่มีมุมมองบวกต่อแผน Transformation และมองว่าแผนดังกล่าวเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งจะช่วยคงความสามารถในการแข่งขันของธนาคารอีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
9 พฤศจิกายน 2561