เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังพบหารือกับนางสาวนาตาลี แบล็ค ผู้แทนการค้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนแรกของสหราชอาณาจักร ว่า สหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับไทยในฐานะศูนย์กลางทางการค้าและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค อาเซียน และต้องการพัฒนาความร่วมมือในสาขาที่อยู่ในทิศทางเศรษฐกิจของโลกและสองฝ่ายมีศักยภาพและความสนใจร่วมกัน เพื่อเพิ่มความใกล้ชิดด้านการค้าการ ลงทุน หลังสหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกอียูในเดือนมีนาคม 2562 โดยตกลงจะหาแนวทางความร่วมมือกันใน สาขาใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจสตาร์ตอัพ เอสเอ็มอี อีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยี และความปลอดภัยด้านไซเบอร์
นายสกนธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรได้แสดงความชื่นชมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีของไทย และเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักธุรกิจสหราชอาณาจักร โดยสนใจขอรับทราบข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม รวมทั้งเห็นว่าหากมีตัวอย่างของผู้ลงทุนที่ประสบความสำเร็จในโครงการนี้ ก็จะสามารถสร้างความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนการทำงานของสภาผู้นำนักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council: TUBLC) ซึ่งเป็นเวทีของภาคเอกชนสองฝ่ายในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างกันต่อไป และยินดีให้ความร่วมมือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมมือกับไทย เพื่อสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปีหน้าด้วย
นายสกนธ์กล่าวว่า สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 18 ของไทย โดยในปี 2560 มีมูลค่าการค้ารวม 7,019 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 19.67 การส่งออกมีมูลค่า 4,079.21 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และอุปกรณ์ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ อากาศยาน อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า และการนำเข้ามีมูลค่า 2,940.69 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันดิบ เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และในปี 2560 ไทยไปลงทุนในสหราชอาณาจักรมูลค่าประมาณ 3,770 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหราชอาณาจักรมีการมาลงทุนในไทยมูลค่าประมาณ 990 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
16 ตุลาคม 2561