การเปลี่ยนแปลงของเกณฑ์การจองซื้อ และเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อแบงก์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้นักเก็งกำไรลดลงอย่างมาก แต่กลับเกิดกลุ่มนักเก็งกำไรกลุ่มใหม่เข้ามาแทนที่ หรือที่เรียกกันว่า "นักลงทุน" ซึ่งจะต่างกับนักเก็งกำไรที่จะซื้อใบจองแล้วขายทำกำไรต่อ แต่นักลงทุนจะซื้อและรับโอนจริง เพื่อนำห้องชุดไปปล่อยเช่า ทำกำไร และเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นจนเห็นว่าคุ้มค่าต่อเงินที่ลงไป
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานบริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นมีความผันผวนจากปัจจัยรอบด้าน ขึ้นลงเร็ว และให้ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้การลงทุนในธุรกิจอสังหาฯในต่างประเทศพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และก้าวไกลกว่าในประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมีการจับมือร่วมกันกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริการจัดการ และเชี่ยวชาญในการสร้างรายได้จากค่าเช่า อย่างเช่น เชนโรงแรมขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ทำให้ปัจจุบันเกิดเป็นธุรกิจใหม่ "Investment Property" หรือ IP ซึ่งกลายมาเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
เนื่องจากรูปแบบของธุรกิจคล้ายการลงทุนในหุ้น แต่มีความปลอดภัยมากกว่า มีผลตอบแทนที่ดี และผู้ซื้อยังมีสินทรัพย์เป็นหลักประกันสามารถขายและทำกำไรได้ ที่สำคัญการลงทุนใน IP ยังสามารถขอสินเชื่อจากแบงก์ เพื่อนำมาลงทุนซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว
สำหรับธุรกิจ IP ในต่างประเทศนั้น ประกอบด้วย 1.ดีเวลลอปเปอร์ ทำหน้าที่พัฒนาโครงการอสังหาฯที่มีดีมานด์ขยายตัวสูง 2.เชนโรงแรมจะเข้ามาทำหน้าที่บริหารการปล่อยเช่าในรูปแบบโรงแรม โดยเจ้าของห้องชุดจะได้รับผลตอบแทนทั้งแบบรายเดือนหรือรายปี และ 3.ผู้ซื้อหรือผู้ลงทุน จะไม่มีสิทธิในการอยู่อาศัย เนื่องจากต้องนำห้องชุดไปให้เชนโรงแรมบริหารปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้
นายอรรถนพ กล่าวว่า "ซิซซา กรุ๊ป" เริ่มต้นและเติบโตจากการพัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ตมานานกว่า12ปี โดยที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการพลูวิลลาและทาวน์โฮม ระดับราคา 6- 50 ล้านบาท มากกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท และจากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่งผลต่อความต้องการที่พักอาศัยขยายตัวสูง ดังนั้น จึงตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจ IP โดยมีแผนจะขยายตลาดมาที่กรุงเทพฯและที่พัทยา เพื่อรองรับกลุ่มนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ วินแดม ในหาน บีช ภูเก็ต มูลค่า 2,800 ล้านบาท บนพื้นที่ 11 ไร่ บริเวณหาดในหาน โดยพัฒนาในรูปแบบโฮเทลแอนด์รีสอร์ต เพื่อการลงทุนสำหรับคนไทยและต่างชาติ มีจำนวน 12 ตึก รวม 353 ยูนิต ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 40 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขึ้นไป ขายราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ราว 1.62 แสนบาท/ตร.ม.
สำหรับโครงการได้มีการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจกับเครือโรงแรม 5 ดาวระดับโลก อย่างวินแดม (WYNDHAM) จากประเทศสหรัฐฯที่มีโรงแรมในเครือประมาณ 8,000 แห่ง เข้ามาบริหาร การันตีผลตอบแทน 6% ตลอดระยะเวลา 2 ปีแรก และในปีที่ 3-15 ได้รับปันผลจากผลประกอบการเฉลี่ยราว 10% ต่อปี อีกทั้งยังรับสิทธิเข้าพักฟรี 30 วันต่อปี
ทั้งนี้ บริษัทได้จัดเปิดตัวโครงการไปเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเปิดจอง 90 ยูนิตที่เหลือ หลังจากได้เปิดขายมาแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเช่น จีน ยุโรป โดยสัดส่วนของลูกค้าต่างชาติเต็มเพดานแล้ว 49% สำหรับลูกค้าที่จองในงานได้รับสิทธิประโยชน์และส่วนลดสูงสุด 3.5 แสนบาท และภายในปลายปี บริษัทจะลงทุนที่ภูเก็ตอีก 1 โครงการในรูปแบบพูลวิลล่า บนพื้นที่ 24 ไร่ เป็นอสังหาฯเพื่อการลงทุน โดยมีวินแดม เป็นผู้บริหาร มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของกำไร 30-40 ล้านบาท ในปี 62 วางเป้ากว่า 200 ล้านบาท และในปีถัดไปจะการเติบโตของกำไรสูงขึ้น 10-15%ต่อปี"
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
21 สิงหาคม 2561