อสังหากลุ่มจีนบูม ออนไลน์แห่เจาะ

อสังหากลุ่มจีนบูม ออนไลน์แห่เจาะ

อสังหาริมทรัพย์ไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเข้าลงทุนในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นภาพการลงทุนจากชาวจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ สะท้อนจากตัวเลขการซื้อคอนโดมิเนียมจากต่างชาติเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2560-2561 มูลค่าการซื้อสูงถึง 7.6 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้ชาวจีนฮ่องกงมากที่สุด 2.3 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จะซื้ออสังหาฯไทยเพิ่มมากขึ้น

ณัฐพงศ์ เลิศวุฒิรักษ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ท่องไทย เปิดเผยว่า ชาวจีนแผ่นดินใหญ่มีการลงทุนอสังหาฯไปทั่วโลกที่มองว่ามีความคุ้มค่าการลงทุน ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับความสนใจเนื่องจากมีราคาถูก ลงทุนน้อย เงินดาวน์ต่ำโดยก้อนแรกค่อนข้างต่ำมากต่างกับที่ประเทศจีนที่ต้องดาวน์ถึง 50-60% อีกทั้งการซื้ออสังหาฯไทยยังได้กรรมสิทธิ์การถือครองแบบฟรีโฮลด์อีกด้วย

สำหรับที่ผ่านมาราคาต่อห้องที่ชาวจีนนิยมซื้อมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยทำเลที่ได้รับความสนใจคือ ย่านรัชดา พระราม 9 สุขุมวิท สีลม และสาทร ทั้งนี้มีการขยายไปแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมากขึ้น เพราะราคาที่ดินที่สูงทำให้ราคาคอนโดสูงตาม ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้คือคนที่มาทำงานหรือศึกษาและท่องเที่ยว

อย่างไรก็ดี มองว่ากำลังซื้อคอนโดของชาวจีนจะขยายไปยังระดับไฮเอนด์คือ 15 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณนี้มา 2 ปีที่แล้ว เนื่องจากคอนโดไทยราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับปักกิ่ง โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคา คอนโดที่ปักกิ่งเพิ่มเป็น 10 เท่าตัวจาก 5-6 หมื่นบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) เพิ่มเป็น 5-6 แสนบาท/ตร.ม. ขณะที่เชื่อว่า ชาวจีนที่จะเข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทยมากสุดคือ กลุ่มคนเกษียณอายุและคาดว่าอสังหาฯ ไทยจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ทั้งจากกลุ่ม ที่เข้ามาลงทุนซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และปล่อยเช่าเนื่องจากมีการการันตี ผลตอบแทนค่าเช่าไม่ต่ำกว่า 5%

ด้าน เธียรศักดิ์ ธรรมเจริญกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม บริษัท ท่องไทย กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ มีเดีย ท่องเที่ยว ล่าสุดได้เปิดตัวเว็บไซต์ ทีเอส-ฝาง ซึ่งเป็นเว็บอสังหาฯ ภาษาจีนเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นดิกชันนารีและเป็นศูนย์กลางสำหรับนักลงทุนชาวจีน โดยเน้นกลยุทธ์การทำธุรกิจภายใต้แพลตฟอร์มแบบ O2O (Online to Offline) ด้วยการผสานระหว่างธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อตอบโจทย์ พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีน โดยได้ลงทุนพัฒนาระบบ 30 ล้านบาท

ทั้งนี้ เฟสแรกจะมีให้บริการในกรุงเทพฯ และขยายให้ครอบคลุม หัวเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต ในสิ้นปีนี้และพร้อมต่อยอดโดยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นรองรับ โดยมุ่งเป้าผู้นำบิ๊กดาต้าที่มีข้อมูลมากสุด โดยจะให้บริการแบบฟูลเซอร์วิสทั้งคอนโดใหม่ มือสอง และปล่อยเช่า

ปัจจุบันมีดีเวลอปเปอร์และเอเยนซีเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป้าดึงยูสเซอร์ชาวจีนเข้าใช้งานเว็บไซต์ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน/เดือน โดยปีนี้วางเป้ามูลค่ายอดขายที่ 400 ลบ. หรือ 90-100 ยูนิต ปัจจุบันมีสินค้าอยู่ราว 1,848 รายการ จากการเปิดบริการเดือนเศษมียอดขายแล้ว 50 ยูนิต

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

9 สิงหาคม 2561