อสังหาอีอีซีฮอต ต่างชาติจ่อลุยเพิ่ม

อสังหาอีอีซีฮอต ต่างชาติจ่อลุยเพิ่ม

ทุนนอกแห่ปักธงอีอีซี ดีเวลอปเปอร์สิงคโปร์และจีน รอผังเมืองอีอีซีชัดเจน จ่อลงทุนอสังหาฯ มูลค่ารวมเกือบ 1 หมื่นล้าน จากการผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาลที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติสนใจเข้ามาพัฒนาโครงการซึ่งไม่ใช่แค่การลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงภาคที่อยู่อาศัยด้วย

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ล่าสุดมีดีเวลลอปเปอร์จากสิงคโปร์และจีนมีแผนจะลงทุนในพื้นที่อีอีซี มูลค่ารวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนจากสิงคโปร์มีแผนลงทุนในพื้นที่ศรีราชา มูลค่าโครงการราว 4,000-5,000 ล้านบาท พัฒนาคอนโดบนพื้นที่ 20 กว่าไร่ กว่า 500 ยูนิตส่วนนักลงทุนจีนมีแผนพัฒนาในพื้นที่สัตหีบ บนที่ดินกว่า 50 ไร่ฝั่งเขา มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมค่าที่ดิน อย่างไรก็ดีแม้จะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลแต่ยังคงรอความชัดเจนเรื่องของผังเมืองอีอีซีก่อนว่าจะกำหนดการใช้ประโยชน์อย่างไรบ้างจะครอบคลุมทั้งจังหวัดหรือกำหนดเป็นโซน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 9-12 เดือน

ภัทรชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงตลาดคอนโดพัทยาว่า นอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่สนใจพัฒนาโครงการแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติอีกจำนวนมากที่เข้ามาลงทุนในพัทยา เช่น กลุ่ม นิว นอร์ดิก กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯจากประเทศนอร์เวย์ ที่เข้ามาพัฒนาโครงการตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการคอนโดและโรงแรมบนพื้นที่เขาพระตำหนักแล้วกว่า 50 โครงการ โดยเน้นเทคนิคการขายที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า 10% ถึง 10 ปี ส่งผลให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของกลุ่มนักลงทุนและผู้ซื้อชาวต่างชาติ การการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารมาก เป็นต้น

นอกจากกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศแล้วยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากกทม. ที่สนใจเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดในพื้นที่แล้วหลายราย เช่น บริษัท แอลพีเอ็น ดีเวลลอป เมนท์ บริษัท แสนสิริ บริษัท ศุภาลัย ฯลฯ

ที่ผ่านมาตลาดมีการดูดซับไปบ้างแล้วจาก 1.6 หมื่นยูนิต แต่ในครึ่งปีแรกปีนี้มีการเปิดโครงการใหม่ทำให้มีหน่วยเข้าสู่ตลาดราว 3,400 ยูนิต แม้จะมีการดูดซับไปกว่าครึ่งแต่ก็ทำให้อุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้การที่รัฐได้เปิดให้ต่างด้าวสามารถซื้อคอนโดที่พักได้ในสัดส่วน 100% จะช่วยระบายสินค้าได้เร็วขึ้น โดยตลาดจีนมีความต้องการซื้อมากขึ้นจากเดิมเป็นกลุ่มรัสเซีย พร้อมกันนี้ยังมองว่าความชัดเจนของกฎหมายและผังเมืองอีอีซี จะทำให้เกิดการกระจายการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่นๆ ไม่ใช่กระจุกตัวเหมือนที่ผ่านมา

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

7 สิงหาคม 2561