คำว่า ที่ดินตาบอด ความจริงแล้ว เป็นภาษาชาวบ้าน ครับ ไม่บัญญัติไว้ ใน ส่วนใดๆ ของกฏหมาย แต่นักกฎหมาย และ ชาวบ้าน คนทั่วไปก็เข้าใจกันได้ดี หมายถึง ที่ดินที่ถูกล้อมรอบโดยที่อื่นๆ รอบข้าง ไม่มีส่วนใดติดถนน ไม่ติดทางสาธารณะ ถ้าเป็นสมัยก่อน ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ก็เดินผ่านที่กันไปกันไม่ว่ากัน ได้โดยไม่มีปัญหา แต่ปัจจุบันปัญหาแน่ๆ อย่างน้อยๆ ถ้าะจะทำธุรกิจ อันใด กะใคร จะซื้อจะขาย จะเปลี่ยนมือก็จะมีปัญหา หรือ จะกู้แบ้งก์ จะจำนองขายฝาก ก็ไม่มีนายทุนคนไหนเอาแน่ๆ ทำอะไรจะมีปัญหาทั้งสิ้น ก็คงไม่มีใครอยากได้ล่ะครับ แต่ถ้าถ้าท่านใดยังหลงเหลือที่ตาบอดจากบรพบุรุษ ลองมาอ่านดูกัน ช่วยได้ครับ
กฎหมายที่เกี่ยวกับ ทีดินตาบอด ก็คือ เรื่อง ทางจำเป็น ภาระจำยอมครับ ครับ ดังนี้ (ปพพ มาตรา 1349)
“ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้ ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่ต้องข้ามสระ บึง หรือทะเลหรือมีที่ชันอันมีระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากเจ้าของที่ดินจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ได้ ที่และวิธีทำทางผ่านต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน โดยคำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายน้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านได้ ผู้มีสิทธิผ่านต้องใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนนแล้ว จะกำหนดเป็นรายปีก็ได้”
แปลความว่า ก็คือ ถ้าเรามี่ทีดิน ที่ไม่มีทางออก ติดถนนที่เป็นทีสาธารณะ หรือ มี แต่ติด ภูเขา หน้าผา สูงชัน ห้วยหนองคลองบึง ทะเล นั้นเข้าออกลำบากลำบนมากในการทีจะออกสู่ถนนหรือที่สาธารณะ นั้น ก็เข้าลักษณะที่ตาบอด ตามภาษาชาวบ้านนะแระ เพื่อความเป็นธรรม และ ความสงบ เรียบร้อยของสังคม กฏหมายท่านจึง บัญญัติ ให้เจ้าของที่เหล่านั้น สามารถขอต่อที่ที่ติดกัน ที่ต้องผ่านสู่ที่สาธารณะ หริอ ถนน หนทางนั้น (หมายถึง ให้ไปขอกันเองก่อน อาจจะมีค่าใช้จ่ายกันตามสมควรเป็นรายปีก็ได้ แล้วไปจดทะเบียนทีสำนักงานที่ดินได้ครับ) แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องซื้อขายทางเข้าออกไม่ได้ เรียกรอง ถูกแพงเกินจริง ตกลงไม่ได้ ก็ต้องเรียกหาคนกลาง ช่วยละครับ ล่ะครับ ศาลยุติธรรมไง เมื่อเรื่องถึง ศาลโดยหลักๆแล้ว เมื่อศาลเห็นว่าที่ดินแปลงถูกล้อมไม่มีทางเข้าออกจริง และไม่มีทางอื่นใดที่เหมาะสม ศาลก็จะก็จะให้ที่ดินแปลงล้อมเขาอยู่ จดทางเป็นภาระจำยอมให้เข้าออกได้โดยมีค่าใช้จ่าย ให้ขายเป็นทางเข้า หรือ เปิดทางให้พอควรแก่ความจำเป็น และ เกิดความเสียหายแก่ที่ดิน ของทีติดกันนั้นน้อยที่สุด และศาลจะใช้ดุลพินิจกำหนด ค่าทดแทนให้ตามราคาประเมินที่ดิน เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งน้อยกว่าราคาซื้อขายตามท้องตลาดอย่างแน่นอน ฉะนั้นเจ้าของที่ดินทีปิดล้อมเขาพึงระวัง เพราะถ้าเขาให้ราคาท้องตลาดตามสมควร แล้ว ควรจะรับไว้ อย่าได้คิดว่าเค้าจำเป็นต้องง้อเรานะครับ และ เรียกราคาโหดๆ แพงๆ ให้หนำใจ พอถึงถึงศาล อาจเป็นอีกราคา อีกเรื่องเลยก็ได้ บอกไว้ก่อน อาจดูว่าไม่เป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินแปลงที่ล้อมเขาอยู่ แต่กฏหมายต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ให้ทุกคนที่มียืนใน สังคม (แน่นอนในที่นี้ มีทีเข้าออกเป็นพื้นฐานด้วย) กฎหมายเรื่องทางจำเป็นนี้ มองโดยรวมแล้ว ก็จะเห็นว่ากฎหมายบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นสำคัญ ไม่ให้ใครค้าประโยชน์เกินสมควร หากจะกระทบสิทธิใครบ้าง หากมองเจตนาของกฎหมายว่าด้วยทางจำเป็นนี้แล้ว
จะเห็นว่าเป็นบทบัญญัติที่ยุติธรรมแล้ว ต่อเจ้าของที่ดินที่ถูกล้อม หรือที่ดินตาบอด หรือ ผู้ทีด้อยโอกาสนั่นเอง ที่ดินตาบอดทำยังไงดี ง่ายๆสรุป คือ สำหรับเจ้าของที่ตาบอด
1. เจ้าของที่ติดกินกับ ขอทำทางเข้า ทำทาง จดเป็นภาระจำยอม อาจจะยินยอมเสียค่าใช้จ่าย
2. เจราจาขอซื้อที่ ทำเป็นทางออกเลย
สองข้อนี้ไม่ได้ก็ต้อง
3 ฟ้องศาล ขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจให้เป็นอันถึงทีสุด ยังไงก็อย่าให้ถึงโรงถึงศาลเถอะครับ เจราจากันให้ได้ ดีที่สุด ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่ายครับ