อสังหาฯงัด บิ๊กดาต้า สแกนลงทุน-ลดเสี่ยง

อสังหาฯงัด บิ๊กดาต้า สแกนลงทุน-ลดเสี่ยง

ธุรกิจรุดดึงบิ๊กดาต้า ติดอาวุธธุรกิจ "บิ๊กแลนด์แอนด์เฮ้าส์" ออกโรงหนุน แจงช่วยลดต้นทุน วิเคราะห์ตลาด กระตุ้นยอดขาย สแกนหาพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก เหตุเป็นธุรกิจลงทุนสูงต้องปิดทุกช่องความผิดพลาด ขณะปตท.ระบุใช้เพิ่มศักยภาพ ดันธุรกิจรอดสูง

"บิ๊กดาต้า" กลายเป็นคลังข้อมูลที่ทุกธุรกิจหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะโลกเทคโนโลยีได้เปลี่ยนความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภค ในการซื้อที่อยู่อาศัยไปอย่างมาก ทำให้การโฆษณาชวนเชื่อมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อลดลง ขณะที่คำบอกเล่าของผู้คนบนโลกออนไลน์ กลายเป็นตัวแปรการเลือกแบรนด์และซื้อบ้านมากขึ้น

ดังนั้นหากนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในเกมธุรกิจจะเป็นอาวุธที่ทรงพลัง รู้ใจผู้บริโภคแล้ว ยังคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้ "เร็ว" กว่าคู่แข่ง เปิดโอกาสให้ยึดตลาดที่เป็นทำเลทอง ผุดโปรเจคชิงลูกค้าได้ก่อนด้วย

วานนี้ (31 ก.ค.) ในงานเสวนา "เรียล เอสเตท บิ๊ก ดาต้า เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์" จัดโดยบริษัท บาเนีย(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าอสังหาฯในรูปแบบของมาร์เก็ตเพลสและดาต้าอนาลิติกส์ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาฯ การเงิน ตลอดจนธุรกิจค้าปลีก ร่วมในเวทีเสวนา ต่างมองความสำคัญบิ๊กดาต้าว่าจะนำมาต่อยอดธุรกิจได้อย่างดี

นายอนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เปิดเผยว่า แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ได้นำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯมากว่า 1 ปี ทั้งการซื้อที่ดิน ประเมินราคาที่ดิน ประเมินตลาดอสังหาฯ เพื่อจะเข้าไปบุกตลาดและทำเลทองได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ รวมถึงการทำตลาดกระตุ้นยอดขาย โดยไม่ต้องโฆษณามากนัก

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้จากการนำคลังข้อมูลมาใช้กับธุรกิจอสังหาฯ นอกจากความแม่นยำในการทำธุรกิจแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุน เช่น ต้นทุนด้านการโฆษณาของบริษัทลดลงต่อเนื่องจาก 4-5% มาอยู่ที่ 2-3%  และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

เขากล่าวอีกว่า ช่วง 20 ที่ผ่านมาบริษัทเคยเข้าไปลงทุนอสังหาฯในสหรัฐฯ และพบว่าภาคธุรกิจที่นั่นนำบิ๊กดาต้ามาใช้เป็นเวลานานแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการรู้สถานการณ์ตลาด ทั้งยอดขายที่อยู่อาศัยในแต่ละเดือน ใครเป็นผู้ซื้อ ราคาที่ดิน ที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้นไปเท่าไหร่ ตลอดจนรู้ว่ามีผู้พัฒนารายใดกำลังก่อสร้างโครงการอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างดีว่าจะพัฒนาโครงการหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อพบว่าตลาดมีผู้พัฒนาโครงการอยู่เป็นจำนวนมาก ยังช่วยทำให้ดึงการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆให้ช้าลง ซึ่งจะช่วยป้องกันสภาวะอสังหาฯล้นตลาดหรือโอเวอร์ซัพพลายได้

ทั้งนี้ การนำบิ๊กดาต้ามาใช้ ที่สำคัญมากคือช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในการข้อมูลต่างๆมีมูลค่าสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ โดยควอลิตี้ เฮ้าส์ ได้ให้ความสำคัญกับบิ๊กดาต้ามา 2-3 ปีแล้ว การนำคลังข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ ทำให้รู้ตลาด รวมถึงด้านโฆษณาซึ่งใช้งบประมาณน้อยกว่าสื่อแบบเดิมถึง 10 เท่า แต่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายลึกขึ้น ขณะเดียวยังทำให้รู้ความต้องการผู้บริโภคเชิงลึก(อินไซต์)มากขึ้นว่าลูกค้าซื้อโครงการไหนของบริษัทมากสุด ขณะเดียวกันยังรู้ว่าลูกค้าไปซื้อโครงการของคู่แข่งด้วย

นายเปรมปรีดี กิตติรัตน์ตระการ ผู้อำนวยการ กองทุนร่วมลงทุนปตท. บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปตท.นำบิ๊กดาต้ามาใช้ 20-30 ปีแล้ว แต่เดิมเป็นเพียงระบบอนาล็อกที่จับต้องได้ ซึ่งบิ๊กดาต้าจะช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลในการขยายสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) ทั้งจำนวนรถที่เข้าออก ยี่ห้อรถ จำนวนประชาชนหรือทราฟฟิกในพื้นที่ แล้วนำมาประมวลผลข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

1 สิงหาคม 2561