ANANลั่นส่วนแบ่งกำไรร่วมทุน ขับเคลื่อนกำไรสุทธิในอนาคตโตไม่หยุด

ANANลั่นส่วนแบ่งกำไรร่วมทุน ขับเคลื่อนกำไรสุทธิในอนาคตโตไม่หยุด

ANAN ลั่นส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนจะช่วยขับเคลื่อนกำไรสุทธิโตไม่หยุด หลังขึ้นแท่นเบอร์ 1 มีการพัฒนาโครงการร่วมทุนมากที่สุด 26 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปีหน้าเปิดโครงการใหม่มูลค่าเกิน   27,000 ล้านบาท

นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า ในอนาคตส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนจะเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรสุทธิของบริษัทให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2562 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ไม่น้อยกว่าปีนี้ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่แล้วทั้งหมด โดยเบื้องต้นในช่วงไตรมาส 2/2562 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการจะที่สูงสุดตั้งแต่บริษัทพัฒนาโครงการมา ซึ่งถือเป็นโครงการไฮไลต์ของปี 2562

สำหรับเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ที่กำหนดไว้ 38,000 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) เป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการที่ ANAN พัฒนาเองประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกเป็นรายได้ของบริษัท ส่วนที่เหลือประมาณ 22,000 ล้านบาท จะเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการร่วมทุน ซึ่งจะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน โดยในช่วง 9 เดือนบริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาโครงการร่วมทุนแล้ว จำนวน 26 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรมากที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และยังมีเป้าหมายพัฒนาโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนอยู่ที่ 7.5% ของมูลค่าโครงการ โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการ ซึ่งถือเป็นรายได้ประจำของบริษัท และในอนาคตรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการร่วมทุนใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ส่วนงบซื้อที่ดินจะขึ้นอยู่ตามแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในแต่ละปี ซึ่งบริษัทไม่มีนโยบายซื้อที่ดินเก็บ เนื่องจากการกำหนดราคาขายในอนาคตจะสูงเกินกว่าราคาตลาด อีกทั้งหากซื้อที่ดินเก็บไว้ในมือเป็นเวลานานผลตอบแทนต่อการลงทุน (IRR) จะไม่คุ้มต่อการลงทุน

โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศที่ 30% ซึ่งในส่วนนี้มาตรการควบคุมสินเชื่อของธปท. จะไม่กระทบ เนื่องจากลูกค้าต่างชาติทั้งหมดจะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นเงินสด ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าที่ชำระด้วยเงินสดอยู่ที่ 43% ถือว่าสูงกว่าอุตสาหกรรม โดยแบ่งเป็นลูกค้าต่างชาติที่ 81% และอีก 19% เป็นลูกค้าคนไทยที่ชำระด้วยเงินสด

นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทยังคงเน้นยอดขายจากลูกค้าต่างชาติมากขึ้น เพื่อผลักดันผลประกอบการในอนาคต โดยจะพัฒนาโครงการในทำเลที่ลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจ เช่น พระราม 9, บางนา เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าต่างชาติไม่ถึง 5,000 ราย มาจากประเทศสิงคโปร์, ฮ่องกง, ไต้หวัน และประเทศจีน เป็นหลัก

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น

19 ธันวาคม 2561