ตลาดคอนโด ชะอำ-หัวหิน ปีนี้ซึมต่อ

ตลาดคอนโด ชะอำ-หัวหิน ปีนี้ซึมต่อ

"ไรส์แลนด์"ประเมินตลาดคอนโดชะอำ-หัวหิน ปีนี้โตทรงตัวจากปีก่อนหน้า เหตุผู้ประกอบการกังวลกำลังซื้อ ขณะยูนิตเหลือขายยังมีมาก ระบุต้นปีมีโครงการเปิดขายกว่า 1,120 ยูนิต

นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาดไรส์แลนด์(ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในชะอำ หัวหินในปีนี้ว่า ยังคงไม่พลิกฟื้นจากปีก่อนหน้า แม้จะมีบางโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่สร้างความน่าสนใจให้กับผู้ซื้อ กระตุ้นให้ตลาดตื่นตัวขึ้นมาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราว ไม่ได้กลับมาคึกคัก

โดยตั้งแต่ปี2557ในพื้นที่ชะอำ หัวหินก็มีโครงการคอนโดเปิดขายลดลงแบบเห็นได้ชัด และเริ่มกลับมามีความคึกคักบ้างก็ในช่วงปี 2560 ถึงช่วงต้นปี 2561 ทั้งนี้ ช่วงต้นปี 2561 มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าไปเปิดขายโครงการคอนโดในชะอำ และหัวหินรวมกันกว่า 1,120 ยูนิต ขณะที่ทั้งปี 2560 มีคอนโด เปิดขายใหม่ในชะอำ หัวหินรวมกันประมาณ 1,300 ยูนิต ซึ่งถ้าพิจารณาจากจำนวนยูนิตที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ก็มีแนวโน้มที่ตลาดคอนโดในพื้นที่ชะอำ-หัวหินจะเริ่มขยายตัวมากขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวมา ต่อเนื่องหลายปี

ทั้งนี้ การขยายตัวของตลาดคอนโดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อาจจะไม่ได้มากมายหรือมีโครงการเปิดขายใหม่เหมือนเมื่อในอดีต เพียงแต่เป็นการขยายตัวในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปตามการเปลี่ยนแปลงของกำลังซื้อในตลาด เพราะผู้ซื้อหลักในชะอำ-หัวหินเป็นคนจากกรุงเทพฯเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการซื้อคือเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง บ้านเพื่อการพักผ่อนในวันหยุด อาจจะมีบ้างสำหรับคนที่ต้องทำงานในพื้นที่ เพียงแต่คนที่ต้องทำงานในพื้นที่อาจจะเลือกซื้อบ้านจัดสรรที่มีราคาใกล้เคียงกับคอนโด แต่ว่าได้ที่ดินพร้อมบ้านและมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า

คอนโดที่เปิดขายในชะอำและหัวหิน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อยูนิต โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ75% ของจำนวนคอนโดทั้งหมดประมาณ 19,400 ยูนิตที่เปิดขายอยู่ในพื้นที่ชะอำและหัวหิน อัตราการขายเฉลี่ยของทั้งชะอำและหัวหินอยู่ที่ประมาณ 71% มียูนิตเหลือขายประมาณ 5,500 ยูนิต

ผู้ประกอบการบางรายจึงมีการพัฒนาโครงการให้มีความน่าสนใจทั้งในเรื่องของรูปแบบโครงการและการออกแบบให้โดดเด่น เพื่อสร้างความน่าสนใจและความแตกต่างจากโครงการอื่นๆที่ยังคงเหลือขายอยู่ในตลาด โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่มีแผนจะพัฒนาในพื้นที่นี้ก็ยังไม่เป็นรูปธรรมซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการ  นักลงทุน หรือผู้ซื้อทั่วไปเกิดความลังเล ไม่รีบร้อนเข้าไปซื้อมากนัก

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ