ส่องเรียลเอสเตทอีอีซีหลังเลือกตั้งโตเพิ่ม

ส่องเรียลเอสเตทอีอีซีหลังเลือกตั้งโตเพิ่ม

การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา กำลังเป็นที่ให้ความสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยบรรดาบิ๊กเนมต่างพากันสะสมแลนด์แบงก์ไว้สำหรับพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม แต่ละจังหวัดมีบทบาทสำคัญที่แตกต่างกัน โดยฉะเชิงเทราเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดีรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ ส่วนพัทยาเป็นเมือง ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ศูนย์การให้บริการด้านการแพทย์ระดับนานาชาติ ซึ่งมีอู่ตะเภาเป็นศูนย์ธุรกิจการบินและโลจิสติกส์อาเซียน ส่วนระยองเป็นเมืองแห่งการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ด้วยบริบทที่ชัดเจนทำให้การพัฒนาด้านอสังหาฯ จากนี้มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งสินค้าต้องถูกกลุ่ม ตอบโจทย์เป้าหมาย ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นตลาดโอเวอร์ซัพพลาย

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่อีอีซีช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 พบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 1.92 แสนยูนิต มูลค่าการลงทุนรวมราวกว่า 4.52 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบ้านจัดสรรจำนวนกว่า 1 แสนยูนิต มูลค่าการลงทุนกว่า 1.86 แสนล้านบาท ส่วนคอนโดมียูนิตที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดกว่า 9.1 หมื่นยูนิต มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2.65 แสนล้านบาท

ด้านอสังหาฯ ประเภทคอนโดพบว่า จ.ฉะเชิงเทรา มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 1,370 ยูนิต มูลค่าโครงการ  1,480 ล้านบาท  ขายไปแล้วราว 890 ยูนิต เหลือขาย  480 ยูนิต ส่วน จ.ชลบุรี มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดกว่า 8.6 หมื่นยูนิต มูลค่าโครงการกว่า  2.5 แสนล้านบาท ขายไปแล้ว 6.7 หมื่นยูนิต เหลือขายทั้งหมดกว่า  1.9 หมื่นยูนิต ขณะที่ จ.ระยอง มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด  3,580 ยูนิต มูลค่าโครงการ  9,350 ล้านบาท ขายไปแล้วประมาณ 2,850 ยูนิต เหลือขายทั้งหมด  730 ยูนิต

ขณะที่อัตราการขายในพื้นที่อีอีซีพบว่าโดยภาพรวมสามารถขายไปได้แล้ว กว่า 1.31 แสนยูนิต หรือคิดเป็น 68.4% จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดที่มีกว่า 1.92 แสนยูนิต โดยบ้านจัดสรรสามารถขายไปได้แล้วกว่า 6 หมื่นยูนิต หรือคิดเป็น 59.9%  เหลือขายทั้งหมดประมาณกว่า 4  หมื่นยูนิต หรือคิดเป็น 40.1% สำหรับคอนโดสามารถปิดการขายไปแล้วประมาณกว่า 7.1 หมื่นยูนิต จากหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดกว่า 9.1 หมื่นยูนิต หรือคิดเป็น 77.8% โดยมีหน่วยเหลือขายทั้งหมดประมาณกว่า 2 หมื่นยูนิต หรือคิดเป็น 22.2% ของยูนิตที่อยู่ระหว่างการขาย

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในพื้นที่จังหวัดจะพบว่าบ้านจัดสรร จ.ชลบุรี มีอุปทานเหลือขายทั้งหมด  24,870 ยูนิต หรือคิดเป็น 40% จ.ฉะเชิงเทรา มีอุปทานเหลือขายทั้งหมด 4,780 ยูนิต หรือ 39% ส่วน จ.ระยอง มีอุปทานเหลือขายทั้งหมด  10,780 ยูนิต  หรือคิดเป็น 42%

สำหรับคอนโด จ.ฉะเชิงเทรา มีอุปทานเหลือขายทั้งหมด  480 ยูนิต หรือ 35% ส่วน จ.ชลบุรี มีอุปทานเหลือขายทั้งหมด 19,180 ยูนิต หรือ 22% ในส่วน จ.ระยอง มีอุปทานเหลือขายทั้งหมด  730 ยูนิต หรือประมาณ 20%

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

3 พฤศจิกายน 2561