CP-TCC ฮุบทำเลทอง สงครามมิกซ์ยูสเดือด

CP-TCC ฮุบทำเลทอง สงครามมิกซ์ยูสเดือด

ตระกูลเจียรวนนท์กำลังเปิดเกมรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ 3 โปรเจกต์มิกซ์ยูสที่เป็นหัวหอกหลัก ทั้งวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน ย่านสุขุมวิท 101 โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ บนทำเลถนนบางนา-ตราด กม. 5-7 และล่าสุดเปิดตัวคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส (Mixed-use) แนวใหม่ รูปแบบไฮไรส์ครบวงจรระดับอัลตราลักชัวรี บนทำเลทองราคาแพงหูฉี่ "เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ" ของทายาทเจนที่ 4

ขณะเดียวกัน แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ของ ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ลูกสาวเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ และ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งธัญทิพ เจียรวนนท์ หลานปู่ธนินท์ ลงเม็ดเงินถือหุ้นมากกว่า 70% ต่างมีทิศทางการลุยธุรกิจไม่แตกต่างกัน เน้นโครงการมิกซ์ยูส นวัตกรรมใหม่ แนวทางใหม่และเทรนด์ใหม่ แมกโนเลียฯ มีโปรเจกต์ใหญ่ วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน และเดอะฟอเรสเทียส์ รวมทั้งโครงการร่วมทุนกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ "ไอคอนสยาม" ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2561

สำหรับธัญทิพ ประธานบริหารบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น แม้ประเดิม "เดอะ สแตรนด์" เป็นโครงการแรก แต่เจาะสมรภูมิในทำเลทองชนิดติดถนนและห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพียง 30 เมตรใช้เวลาเดินไม่เกิน 2 นาที กลายเป็นการเปิดตัวน้องใหม่ในวงการที่โดดเด่นทั้งนี้ หากดูข้อมูลวิจัยจากบริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งมีขอบเขตพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ถนนสุขุมวิทซอย 55 ถึงสุขุมวิทซอย 63 พบว่ามีอุปทานสะสมในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 รวมทั้งสิ้น 6,112 หน่วย

ส่วนราคาห้องชุดเปิดขายใหม่เฉลี่ยทั้ง 2 ทำเลอยู่ที่ 2.48 แสนบาทต่อ ตร.ม.โดยย่านทองหล่อมีราคาขายเฉลี่ย 3.17 แสนบาทต่อ ตร.ม. และเอกมัยที่ 1.8 แสนบาทต่อ ตร.ม กำลังซื้อมาจากทั้งคนไทยและต่างชาติ สัดส่วนซื้อเพื่ออยู่อาศัย 70% และเพื่อการลงทุนอีก 30% ที่สำคัญ เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) มีความชัดเจน จะส่งผลให้ทำเลดังกล่าวมีความคึกคักมากขึ้นอีก โดยเฉพาะราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยจะก้าวกระโดดสูงขึ้น เพราะในย่านทองหล่อจะมีสถานีเกิดขึ้นถึง 2 สถานี ตัดไปยังถนนเพชรบุรีและเชื่อมแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จากเดิมทำเลมีศักยภาพดีอยู่แล้ว ในอนาคตจะสูงขึ้นไปอีก หรือคาดการณ์อีก 5 ปีข้างหน้าราคาที่ดินจะปรับขึ้นอย่างน้อย 50-60% ราคาโครงการเปิดใหม่จะพุ่งกระฉูด 30-40% เช่นเดียวกับผลตอบแทนด้านการลงทุนปล่อยเช่าหรือขายต่อจะมากกว่า 10% ต่อปี

วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แมกโนเลียฯ กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายด้านการลงทุนที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีมูลค่าสัมพัทธ์ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนชื่อดังระดับโลกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว การใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า การเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า โรงแรม และร้านอาหารชั้นเลิศ ปัจจัยหลักสำคัญของโครงการมาจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทำเลทองชั้นนำของเมืองไทยและเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองทุกความต้องการได้

ทั้งหมดทั้งมวล สงครามมิกซ์ยูสรอบนี้เมื่อสองตระกูลใหญ่ทุ่มทุนระดับแสนล้าน เนรมิตโครงการสร้าง "เมือง" สุดอลังการ และสร้างเป็นโหมดเครือข่าย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยได้พลิกโฉมครั้งใหญ่แน่

 

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา

27 สิงหาคม 2561